“มึงว่าผีมีจริงรึเปล่า”เสียงหนึ่งถามขึ้นโดยต้นเด็กปี1สุดห้าวที่มักจะมีความคิดอะไรแผลงๆอยู่เสมอ
“มึงคิดจะทำอะไรอีก”เปรมเพื่อนสนิทของเขาถามไปตรงๆ กูแค่คิดว่าไอ้ตำนานผี
ศาลอะไรต่างๆในมหาลัยเราเนี่ย มันน่าจะมีคนโม้ขึ้นมาจนมันมีคนเชื่อกันไปเอง”ต้นตอบ
“กูถามอีกที”เปรมตอบกลับอย่ารู้ทัน
กูจะสร้างผีตัวใหม่ในมหาลัยเรา”เปรมตอบพร้อมหันมายิ้มด้วยสีหน้าที่มั่นใจสุด
“ถ้างั้นเราต้องมีทีมงานที่ไว้ใจได้ก่อน”เปรมกล่าวเสริม “เรื่องนั้นไม่น่าห่วง แต่ขอคิดแผนแปบจะทำทั้งทีมันต้องเอาให้สุด”ต้นตอบ
3วันผ่านไป
ต้นกับเปรมก้ได้สมาชิกในทีมมาอีก3คน คือเตยสาวอดิตนักกรีฑาระดับกีฬาสี
ที่จะมารับบทบาทผีให้กับพวกเขา เมย์ช่างแต่งหน้าประจำทีม
โจ้ฝ่ายเทคนิคที่จะมาวางแผนทำให้เกิดความเชื่อปลอมนี้ขึ้นมาโดยสมบูรณ์
“ครบทีมและเดี๋ยวให้โจ้เป็นคนอธิบายแผน”ต้นกล่าวเปิด “โอเค
เราจะเริ่มจากการสร้างจุดสังเกต ถ้าอยู่ดีเรามาเล่าเองมันจะดูไม่จริง
เราจะใช้กอกล้วยตรงประตูหอพักข้าราชการเป็นที่เกิดเหตุ
เราจะเริ่มเอาของไหว้ไปวางวันเสาร์นี้ พอวันจันทร์มีคนเห็นก็เริ่มแผน
ด้วยการเริ่มชวนพี่แม่บ้านโรงอาหารคุยเรื่องนี้กัน
พอข่าวกระจายค่อยหาจังหวะดำเนินแผนขั้นต่อไป”โจ้เริ่มอธิบายแผน
วันเสาร์ในเวลาเย็นปลอดผู้คนต้นกับโจ้เดินเอาของไหว้ไปวางไว้
ในขณะเดินที่กำลังเดินไปนั้นเขาก็รู้สึกเย็นสันหลังแปลกๆเหมือนกับว่ามันมีอะไรอยู่จริงๆ
กอกล้วยที่พวกเขาเลือก นับว่าเหมาะสมอย่างยิ่ง เป็นที่เปลี่ยว
อยู่ห่างจากจุดที่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประมาณ300เมตร
มาพอที่พี่ปลอมในอนาคตอย่างเตยจะวิ่งหน้าพี่เจ้าหน้าที่พยายามจับได้
เราสามารถมองเห็นได้จากบริเวณยามเฝ้าประตูหลัง
“ไอ้ต้นถ้ามีผีจริงจะทำอย่างไงวะ”โจ้ถามต้น “ก็ดีสิวะจะได้สมจริง”ต้นตอบหน้าตาเฉย
“ไอ้เตยไม่วิ่งตาแตกเลยเหรอวะ”โจ้ถามต่อ “ไม่หลอกเตยมันไม่กลัว”ต้นยืนยัน
ถึงแม้ว่าจะปากดีแค่ไหนแต่ต้นกับโจ้ก็สาวเท้าเดินเร็วกว่าปกติโดยไม่รู้ตัว ในใจคิดไปว่า
ใครผ่านมาตอนที่มืดกว่านี้มันก็ต้องมีขนลุกกันบ้าง
เช้าวันจันทร์มาถึงต้นกับเมย์ก็มาดูลาดเลา
มีแม่บ้านหลายคนหันไปมองอย่างสงสัย โจ้จึงเริ่มแผนขึ้นต่อไปทันที
เขาเริ่มเดินไปคุยกับพี่แม่บ้านที่โรงอาหาร
“พี่ๆกอกล้วยหลังมอมีอะไรเหรอพี่”โจ้ถามทั้งที่ในใจรู้คำตอบอยู่แล้ว
“ไม่รู้เหมือนกันอยู่ดีๆก็มีของไหว้มาวางไว้”แม่บ้านตอบด้วยสีหน้าสงสัยไม่แพ้กัน “สงสัยนาตานีไปเข้าฝันใครมั้งพี่”โจ้แกล้งเดา
“พี่ก็ว่างั้นแหละ ถามยามที่เฝ้าประตูก็บอกว่าไม่เห็นใครเดินผ่านนะ
สงสัยคนนอกมหาลัยแกเลยไม่รู้จัก”แม่บ้านตอบ เป็นไปตามที่โจ้วางแผนไว้
คำพูดของเขากลายเป็นข่าวสะพัดไปทั่วในหมู่แม่บ้าน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
และในที่สุดก็มาถึงนักศึกษาอย่างพวกเขา จึงได้เวลาดำเนินแผนการขั้นต่อไป
นั่นคือเอาชุดไทยไปวางรวมกับของไหว้ หลังจากนั้นไม่นานก็มีผ้าสามสี
และของเซ่นไหว้อื่นๆมาเพิ่มโดยที่พวกเขาไม่ต้องลงทุนอะไรเพิ่มเติม
เมื่อเห็นว่าแผนการกำลังไปได้ด้วยดีต้นก็แรกทุกคนมาที่ห้องพักของเขาเพื่อเตรียมแผนการขั้นต่อไปทันที
“แผนการต่อไปคืออะไรครับผู้กำกับโจ้”เปรมถาม “ต่อไปเราจะปลอมเป็นผีทุกๆวันพระ
โดยที่เตยจะแต่งชุดไทยเดินเข้าทางด้านตรงข้ามกับตำแหน่งที่ยามเห็น
ก่อนจะเริ่มส่งเสียงร้องไห้ให้พอได้ยินไปถึงยามถ้ายามกลัวก็จะส่งสัญญาณให้ทำต่อไป
ถ้ายามเดินมาก็ให้หายเข้าไปกลางกอกล้วยแล้วรอฟังสัญญาณมาให้หนีทางไหน
วันพระมาถึงโจ้
ต้นและเตยเดินมาทำทีเป็นไหว้นางตานีในตอนเย็นๆก่อนที่เตยจะหายเข้าไปในดงกล้วยเพื่อรอเวลา
ที่ตนออกจากมหาวิทยาลัยจนเกือบหมด แล้วดำเนินแผน
โดยไม่มีใครสังเกตเลยว่าพวกเขากลับมากันไม่ครบ
ส่วนเปรมนั่งสังเกตการณ์อยู่ในรถที่จอดอยู่ริมถนนที่อยู่หลังกอกล้วย
และมองเห็นป้อมยาม
“พร้อมนะมึงเตย”เปรมส่งสัญญาณมาทางหูฟัง
“เออ ร้อนนิดนึงแต่พอทนได้ แต่บรรยากาศแม่งเหมือนมีผีอยู่จริงๆเลยว่ะ”เตยตอบ
เธอต้องทนอยู่ในนั้น3ชั่วโมงเพื่อรอเวลาสี่ทุ่มที่เริ่มจะปลอดผู้คน พอถึงเวลายามรายงานสถานการณ์ทางวิทยุ
ซึ่งเปรมได้ดักฟังอยู่ แผนการจึงเริ่มขึ้น
“ประตูหลังสถานการ์ปกติไหม”เสียงวิทยุจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดังขึ้นเพื่อเช็คสถานการณ์รอบๆมหาวิทยาลัย
“ปกติดีครับ”เจ้าหน้าที่ประจำจุดรายงาน “วันนี้พาลูกมาด้วยหรือจุดประตูหลัง”เสียงหัวหน้าทัก
“ไม่นะครับผมอยู่คนเดียว”ยามประจำจุดตอบ “ผู้ได้ยินเสียงเหมือนคนร้องไห้นะ
สงสัยหูฝาด ยามประจำจุดได้ยินดังนั้นก็ขนลุกในทันที
ก็จะรวบรวมความกล้ามองมาที่ต้นท่างของเสียง ซึ่งไม่น่าจะมีใครอยู่ตรงนั้น
แต่เข้ากลับเห็นเห็นหญิงสาวใส่ชุดไทย ท่าทางเหมือนนั่งร้องไห้อยู่
ซึ่งก็คือเตยนั่นเอง ในขณะแรกเขาคิดว่าเป็นหุ่นที่ใส่ชุดไทย
แต่พอมองอีกครั้งหุ่นมันยังอยู่ ตัวเขาสั่นในทันทีไม่กล้าออกไปไหน
ทำให้ผีปลอมอย่างเตยก็ลอยนวลกลับไปได้อย่างสบายๆ
เช้าวันรุ่งขึ้นก็มีการจับผีกันขึ้นมาทันที
แต่ไม่พบรอยเท้าใดๆนอกจากรอยเท้าของคนงานที่เดินมาตัวกล้วยเมื่อวานนี้เท่านั้น
มันยิ่งทำให้ผีปลอม ยิ่งดูเหมือนจริงขึ้นมาทันที
ซึ่งทั้งหมดนั้นก็อยู่ในแผนการของโจ้ ทั้งสิ้น
เขาให้เตยเตรียมรองเท้าแบบเดียวกับคนงานไว้แล้ว คนมันจะทำชั่วขึ้น
อะไรทุกอย่างมันก็มักจะเป็นใจเสมอ ยามคนนี้เคยดูถูกเจ้าแม่ตานีไว้เสมอ
พอมาเจอเข้ากับตัว
บวกกับคำให้การของเพื่อนๆยามก็ยิ่งทำให้ความเฮี้ยนของเจ้าแม่ตานีปลอมยิ่งทวีคุณ
ยามคนนั้นจับไข้หัวโกร๋นไปหลายวัน และขอย้ายไปประจำจุดอื่นในทันที
แก๊งคนสร้างผีดีใจกับความสำเร็จในครั้งนี้มาก
เพราะมันได้ผลดีกว่าที่คาดคิดไว้ แต่แทนที่พวกเขาจะหยุดอยู่นั้น มันไม่ใช่
ยามใหม่ที่เข้ามาประจำจุดแทนแกเป็นคนไม่กลัวผี แต่พวกต้นไม่ยอมแพ้จะหลอกแกให้ได้
แผนการครั้งต่อไปจึงได้เริ่มขึ้น โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่า
มันกำลังจะนำพาพวกเขาไปสู่หายนะ เพราะยามที่มาอยู่ใหม่แกไม่เชื่อเรื่องผี
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่คนไหนที่เดินทางกลับในเวลาพลบค่ำก็จะพยายามเลี่ยงที่จะเดินผ่านบริเวณนั้น
ซึ่งมันแสดงเห็นเลยว่า แผนของพวกเขาได้ผล “เราว่าพอแค่นี้
ดีกว่าแค่นี้คนก็กลัวกันแล้ว เช้ามืด ตอนค่ำ
ไม่มีใครกล้าเดินผ่านเลย”เตยกล่าวขึ้นเพราะไม่อยากจะปลอมเป็นผีอีกแล้ว “เอาน่าเตย
กูขออีกรอบเดียวเอาให้ไอ้ลุงยามใหม่แม่งกลัวอีกคนกูพอเลย
“โดนจับได้กูไม่ค่อยกลัวหรอก กูกลัวของจริงจะมาน่ะสิ”เตยกล่าว
“มันจะไปมีได้อย่างไรวะ ก็ทั้งหมดนี่มันเริ่มที่พวกเรา
ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีใครเคยเห็นอะไรพวกนี้มาก่อน”ต้นย้ำ “งั้นขอแผนดีๆหน่อยนะโจ้”เตยกล่าว
“ได้เราทำแผนหนีมาให้แล้ว เมย์จะคอยรอรับแก และถ้ามีอะไรเกิดขึ้น
เราก็จะรับผิดชอบร่วมกันไม่ต้องห่วง”โจ้ย้ำ
ผ่านไป2เดือนก่อนจะปิดเทอม
แผนการได้ดำเนินขึ้นอีกครั้ง คราวนี้พวกเขารู้ดีว่ามันอาจจะไปง่ายเหมือนเดิม
โจ้กำชับเตยว่าถ้าบอกให้หนีคือวิ่งเลยไม่ต้องสนใจรอยเท้า
อย่างน้อยพวกเขาอาจไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ
เวลา22.00น.มาถึง
การสู้กันระหว่างยามคนใหม่กับผีปลอมก็เริ่มขึ้น เตยทำเสียงร้องไห้เหมือนเดิม
แต่ยามคนนี้ไม่กลัวอย่างที่เขาลือกันแกเกินถือไฟฉายเตรียมออกมายังกอกล้วย
พร้อมกับสิ่งที่พวกต้นไม่คาดคิด ยามกะเช้าที่ยังไม่กลับ นั่งมองมาจากป้อมยาม
สายตาจับจ้องมายังเส้นทางหนีของเตยตลอดเวลา
ตอนนี้เป็นเปรมที่ดูต้นทางขนลุกทำอะไรไม่ถูก จึงไม่มีได้ส่งสัญญาณบอกโจ้ให้บอกแผน
แต่ก่อนที่ยามจะเดินมาถึง เตยกลับวิ่งออกมาแล้ว ด้วยความเร็วระดับนักกรีฑา พร้อมชุดที่ถอดใส่กระเป๋าไว้เรียบร้อยแล้วจึงทำให้ยามที่มองเห็นไวๆ
ไม่คิดแม้แต่จะตามเพราะยามที่ยังอยู่ที่ป้อมส่งสัญญาณบอกเรียบร้อยแล้ว เปรมคิดว่าเธอวิ่งออกมาด้วยสัญชาตญาณแต่ก็โล่งใจ
ที่ไม่ถูกยามจับได้
“มีหนีไปแล้วลุงไอ้ผีปลอม”เสียงวิทยุจากยามที่ประจำที่ประตูรายงาน
“กูว่าแล้วเจอคนจริงอ่างกูเข้าไปหน่อย”แกพูดพร้อมกับเดินเข้าไปที่กอกล้วยเพื่อที่จะทำลายของเส้นไหว้จอมปลอมพวกนั้นทิ้ง
แกง้างกระบองในมือเตรียมจะฝาด
“มึงจะทำอะไร”เสียงหนึ่งดังจากบริเวณหุ่นที่มีชุดไทยพาดไว้เป็นเสียงหญิงสาวตวาด
ลุงยามหันไปมองที่หุ่นที่เป็นที่มาของต้นเสียง “มันไม่ได้หนีมึง มันหนีกูเนี่ยแหละ
บังอาจมาเรียนแบบกูไอ้พวกเด็กเวร”เสียงนั้นยังดังไม่หยุด
“มึงจะซ้อนแผนกูยังเร็วไอ้พวกเด็กเมื่อวานซืน”ลุงยามเข้าค้นหุ่นทันที
เพื่อหาลำโพงที่น่าจะอยู่ในตัวหุ่น แต่แกหาเท่าไรก้ไม่เจอ
“มึงเป็นใครมาฉีกชุดที่เขาถวายกู”เสียงนั้นตวาดขึ้นอีกครั้ง ยามมองไปเห็นชุดไทยที่ขาดเล็กน้อย
ทีนี้จากกล้าๆ ก็ถอยแทบไม่ทัน สติสุดท้ายพยายามมองหาที่มาของเสียงแต่ไม่พบ
ที่นี้แกนึกขึ้นหัว”กุมาจับผีปลอม ดันเจอผีจริง”แกวิ่งกลับไปที่ป้อมยามแทบไม่ทัน
ส่วนเตยก็หัวโกร๋นเช่นกันโดยมีเมย์พยายามปลอบ
ทั้งที่ก็กลัวอยู่เหมือนกัน พอได้สติก็พากันไปที่รถเปรม เปรมได้ฟังเรื่องราวก็รีบขับพาเตยกลับไปทันที
โดยที่ทั้ง3คนไม่ได้ติดต่อต้นกับโจ้ไป ด้วยความเร่งรีบ
วันรุ่งขึ้นทั้งสามคนก้ไปยอมรับผิดกับอาจารย์ว่าผีตัวแรกเป็นฝีมือพวกเธอก่อนที่ต้นกับโจ้จะตามมา
โจ้เห็นสภาพเตยหวาดกลัว จึงตวาดขึ้นว่า”มันจะไปมีได้อย่างไงวะ
ก็พวกเราเป็นคนสร้างทุกอย่างขึ้นมาเอง ยามที่มาในฐานะพยานพยามห้ามแต่ไม่ทัน
โจ้คว้ากระบองของยามวิ่งไปยังกอกล้วย
กว่าที่คนตรงนั้นจะมีสติวิ่งตามไปโจ้ก็ฝาดบริเวณนั้นเละเทะ
พร้อมกับคำกล่าวท้าทายมากมาย ที่หลุดออกมาจากปากเขา ก่อนเขาจะเดินกลับออกมา
พร้อมเอากระบองไปคืนยาม ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “ไม่มีผีสักตัวเลยเตย
มึงหลอนไปเอง”ต้นปลอบเตย “กูเห็นจริงๆ มีเสียงด้วย”เตยยืนยัน
“แกเล่นเป็นผีจนหลอนไปแล้ว
ถ้ามันมีจริงให้มันมาสิงกูเดี๋ยวนี้เลย”ต้นกล่าวพร้อมกับเดินผ่านทุกคนไป แม้แต่อาจารย์ก็ยังตกอยู่ในอาการตลึง
แต่อยู่ดีต้นก็ล้มลง โจ้จึงเข้าไปประคองทันที “มึงบอกเพื่อนมึงคนนี้ด้วยนะ
ให้มาขอขมากู ภายในสามวัน ไม่งั้นมึงจะเจอดีแน่”เสียฃดังมาจากปากต้น
แต่มันไม่ใช่เสียงต้น มันคือเสียงเดียวกับที่ตวาดยามเมื่อคืนนี้
“เสียงนี้เลยครับที่ผมเจอเมื่อคืน”ยามได้ยินก็เข่าทรุดตามต้นไปอีกคน
อาจารย์ท่านหนึ่งได้สติจึงเข้ามดูสถานการ แกจับชีพจรต้น
เพื่อเช็คว่านี้ไม่ใช่การแสดง ชีพจรเขาเต้นผิดจังหวะจริงๆ เหงื่ออกเยอะกว่าปกติ
จึงให้โจ้ประคองต้นไปห้องพยาบาล
หลังจากโจ้ฟื้นขึ้นมา
พวกเขาทั้ง5คนก็ไปสารภาพกับอาจารย์ถึงการปลอมเป็นผีปลอม
ก่อนจะไปเจอผีจริงในครั้งนี้
“คืออย่างนี้ค่ะอาจารย์ครั้งแรกที่ยามคนเก่าน่ะฝีมือพวกหนูเอง
แต่ตอนหนูไปอยู่ในกอต้นกล้วย หนูกูรู้สึกเหมือนมีคนอยู่อีกคนจริงๆ
แต่ก็คิดว่าอินกับการแสดงของตัวเอง พอออกมาได้ก็ไม่คิดอะไร”เตยเล่า
“แล้วครั้งที่สองเกิดอะไรขึ้น”อาจารย์ซักต่อ “หนูก็ปลอมเป็นผีตามปกติ
แต่ยามคนนี้เขาไม่กลัวหนูกำลังจะหนีตามแผนเดิม”เตยเล่า
“แต่ผมเห็นยามอีกคนที่เฝ้ามองทางหนีอยู่ผมเลยส่งสัญญาณให้เตยใจเย็น”เปรมเล่าต่อ
“แล้วทำไมเธอถึงวิ่งออกมา”อาจารย์ถาม “หนูได้ยินเสียงมาจากทางหุ่นว่า
มึงปลอมเป้นกูทำไม แล้วถ้าโจ้ว่าฝีมือแกใช่ไหม โจ้ตอบว่าเปล่า
เขาไม่รู้เรื่องเท่านั้นแหละหนูที่กลัวๆอยู่แล้วก็วิ่งไม่คิดชีวิต”เตยเล่าจนจบ
“จริงครับท่าน ผมค้นจนทั่วก็ไม่เจอ ตามต้นกล้วยก็ไม่มี”ยามกล่าวเสริม “โอเคโอเค
ผมก็เชื่อแบบนั้นแหละ จากเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น หวังว่าพวกคนจะได้รับบทเรียนนะอย่างไรผมก็ต้องให้พวกคุณทำทัณฑ์บนไว้แล้วก้ไปขอขมาเจ้าแม่ด้วยล่ะ
พวกเขาโดนทำทัณฑ์บนไปตามระเบียบ
ก่อนที่เปรมจะพาเตยกับเมย์ไปส่งหอ
ส่วนโจ้ก็พาต้นขับรถไปส่งหอ ระหว่างทางต้นก็ยิ้ม ก่อนจะยื่นมือถือให้โจ้ “โทษทีว่ะ
ฟาดแรงไปหน่อย จอเป็นรอยหรือเปล่าไม่รู้”ต้นพูดพร้อมกับส่งมือถือสภาพเต็มไปด้วยยางกล้วยส่งให้โจ้
“ไม่เป็นไรแลกกลับตำนานเรื่องนี้ถือคุ้ม”โจ้กล่าวตอบ
หลังจากนั้นบริเวณกอกล้วยก็กลายเป็นศาลอย่างจริงจัง
โดยที่คนที่รู้ว่าผีทั้งหมดปลอมก็มีเพียงเขาสองคนเท่านั้น
และที่ไม่มีใครสงสัยขึ้นมาเพราะทุกๆวันพระ
พวกเขา5คนก็ยังมาไหว้ศาลที่นี่เป็นประจำเสมือนว่ามาขอขมา คนงานตัดต้นกล้วยก็ยังต้องขอทุกครั้งก่อนที่จะเข้าไปตัดต้นกล้วย
อยู่มาวันหนึ่ง
คนงานตัดต้นกล้วยก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่า ไอ้ดงกล้วยนี้มันไม่มีกล้วยตานี
มันเป็นกล้วยหอม กับกล้วยน้ำว้า ทำไมมีนางตานีได้
แกครุ่นคิดอยู่ในใจสักพักว่าจะบอกเรื่องนี้กลับอาจารย์ดีไหม แต่แกกูตัดสินใจไม่บอก
ก่อนที่จะเดินไปยกมือไหว้เจ้าแม่ พร้อมกับขอของไหว้ที่เป็นขนมกลับไปให้ลูกของแกกิน
1เดือนผ่านไป
อาจารย์ก็เรียกคนดูแลสวนหลังมหาลัยมาพบ
“ลุง
ดงนั้นมันมีกล้วยตานีด้วยเหรอ ผมว่ามันเป็นแปลงกล้วยหอม
กับกล้วยน้ำว้านะ”อาจารย์ถามทันที “ผมแยกไม่ออกหรอกครับท่าน
ท่านไปดูเอาเองเถอะอย่างไรก็บอกเจ้าแม่ก่อนแล้วกัน ผมไม่อยากเสี่ยง”ลุงตอบ
ทั้งสองจึงเดินไปยังกอกล้วย พร้อมกันนั้นอาจารย์ได้โทรเรียกอาจารย์อีกท่านจากคณะเกษตรมาช่วยดู
เมื่อไปถึงทั้งสามก็ไม่ลืมขอขมาเจ้าแม่ เดินสำรวจสักพัก
อาจารย์ที่ถูกเชิญมาก็เดินออกมาจากกอกล้วย
พร้อมเริ่มกล่าว“บางครั้งความเชื่อมันก็ไม่ควรไปลบหลู่นะครับอาจารย์
แต่มันก็ควรจะพิสูจน์ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ ทั้งหมดนี่ไม่มีกล้วยตานี”เขากล่าว “ผมว่าแล้ว”อาจารย์เจ้าของเรื่องกล่าว
“ยกเว้นต้นที่อยู่ตรงหุ่น แต่มันพึ่งจะถูกเอามาปลุก”อาจารย์จากคณะเกษตรกล่าว
ก่อนจะหันไปมองลุงคนดูแลสวน “ฝีมือผมเองครับ”ลุงยอมรับพร้อมกับเกาหัวเบาๆ
แต่ต้นตรงกลางนั่น
มันก็ใช่ และมันน่าจะอยู่มานานพอสมควรแล้วครับน่าจะเกิน10ดือน
เพราะมันเริ่มแตกหน่อใหญ่แล้ว”อาจารย์คณะเกษตรกล่าวต่อ
อาจารย์อีกท่านยกมือขึ้นมานับ “1 2 3 4”ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้
“เรื่องเกิดมา4เดือนใช่ไหมครับ”ลุงถาม
“ใช่เด็กพวกนั้นก้พึ่งเข้ามาเรียนแค่5เดือน”อาจารย์ตอบ
ก่อนทั้ง3คนจะพนมมือขึ้นไหว้พร้อมกัน และนั่นเป็นการพิสูจน์เรื่องนี้เป็นครั้งสุดท้าย
จึงทำให้ผีตานีที่ต้นสร้างขึ้นกลายเป็นผีจริง ไม่ว่าจะด้วยความบังเอิญ
หรือว่าเขาจะมีตัวตนอยู่จริงๆก็ตาม
0 ความคิดเห็น